ทั้งนี้ นายธนาพล ยังเผยถึงพฤติกรรมการรับประทานอาหารเสริมของคนไทย ซึ่งแตกต่างจากคนเกาหลีว่า จากการศึกษาอินไซต์ของผู้บริโภค พบว่า คนเกาหลีมักจะเริ่มรับประทานอาหารเสริมตั้งแต่อายุน้อย ดังนั้นฐานลูกค้าหลักจึงเป็นกลุ่มยังเจนที่มีกำลังซื้อสูง ขณะที่คนไทยกลุ่มที่เริ่มมองหารอาหารเสริมจะเป็นกลุ่มวัยทำงาน ที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานมาแล้วระดับหนึ่ง จึงเริ่มต้นดูแลตัวเอง ไปจนถึงกลุ่มผู้สูงวัย (Silver Age) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มาแรง สังเกตได้จากจำนวนแบรนด์อาหารเสริม ที่ออกแบบมาเพื่อกลุ่มผู้สูงวัย มีการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดมากกว่าเกาหลีด้วยซ้ำ ในด้านปัจจัยเรื่องราคา สำหรับคนเกาหลี จะยอมจ่ายในราคาสูง เพื่อแลกกับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ แต่ลูกค้าไทย ยังใช้จ่ายกับกลุ่มอาหารเสริมด้วยความระมัดระวัง
ด้านนายณัฐพล ดิลกนวฤทธิ์ Co-Founder ชองบริษัทเรดคาร์เปท มีเดีย แอนด์ เทรดดิ้ง จำกัด เสริมว่า บริษัทได้ทุ่มงบการตลาดกว่า 30 ล้านบาท เพื่อปูพรมในการโปรโมตแบรนด์และสินค้าให้เป็นที่รู้จัก พร้อมคว้าตัว มาร์ค ต้วน ศิลปินระดับโลก มาเป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรกในประเทศไทย เพราะนอกจากผลงานที่พิสูจน์ความสามารถของมาร์ก ต้วน จนโด่งดังและกระแสแฟนคลับที่เหนียวแน่น มาร์ก ต้วน ยังเป็นตัวแทนของคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่ใช้ชีวิตแบบมี Work-Life Balance ที่สมดุล แม้จะทำงานเยอะ และมีกิจกรรมมากมายให้ทำ แต่ก็ไม่ลืมที่จะใส่ใจดูแลตัวเองอยู่เสมอ ที่สำคัญมาร์ก ต้วน ยังเป็นตัวแทนของผู้บริโภค ที่มีประสบการณ์ในการรับประทานอาหารเสริมวิตา 500 ด้วยตัวเอง
“ในปีนี้ เราจะมีการเปิดตัวหนังโฆษณาของมาร์ก ต้วน ที่มาถ่ายทำที่ประเทศไทย และ จะมีการจัดกิจกรรมทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้แฟนคลับและแฟนๆ ของแบรนด์ได้มาร่วมสนุกอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ส่วนจะมีกิจกรรมที่มาร์ก ต้วน ลัดฟ้ามาไทยหรือไม่นั้น อยากให้รอติตดาม”
สำหรับช่องทางการจำหน่ายสินค้า ในช่วงเริ่มต้น ทางแบรนด์ จะเน้นจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ของแบรนด์ 4youshop, แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ส และร้านขายยา ก่อนจะขยายเข้าสู่ช่องทางโมเดิร์นเทรด เช่น Watson และ 7-11
นายธนาพล ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ด้วยความแข็งแรงของพาร์ตเนอร์อย่างกวางดง เกาหลี ที่ก่อตั้งมานานกว่า 60 ปี และสร้างชื่อจนเป็นที่รู้จัก บวกกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ที่อัดแน่นด้วยคุณประโยชน์ของวิตามินซี,B1,B2,B6,B12 ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ของไทย และ FDA เกาหลี จะสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคชาวไทย ทั้งในแง่คุณภาพและความปลอดภัย บวกกับการมีพรีเซ็นเตอร์ระดับแมกเนจอย่างมาร์ก ต้วน จะทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก และ ชื่นชอบของกลุ่มเป้าหมายที่ใส่ใจดูแลสุขภาพได้เป็นอย่างดี ไม่เฉพาะวัยทำงาน แต่ยังร่วมถึงยังก์เจน ที่หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพตั้งแต่อายุยังน้อย
"ในปี 2568 เรายังมีแผนจะแตกไลน์ผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ 500 ล้านภายใน 3 ปี”